问题

如果领导不喜欢你,一直给你小鞋穿,是咬牙死忍,还是另谋高就?

回答
เจอสถานการณ์แบบนี้เข้าให้ หลายคนคงปวดหัว ตีบตัน หาทางออกไม่เจอเลยทีเดียว ว่าควรจะ "กัดฟันสู้" หรือ "เดินจากไป" ดี การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นะครับ มันส่งผลกับชีวิตเราโดยตรงเลย วันนี้เรามาลองเจาะลึกถึงแต่ละทางเลือกกันแบบละเอียดยิบ เผื่อจะเป็นแนวทางให้เพื่อนๆ ที่กำลังเจอชะตากรรมคล้ายๆ กันได้บ้าง

สถานการณ์เริ่มต้น: โดน "สวมรองเท้าคับ" จากหัวหน้า

ก่อนอื่นเลย เราต้องทำความเข้าใจก่อนว่า "การสวมรองเท้าคับ" มันคืออะไรบ้าง? มันมีหลายรูปแบบครับ ไม่ใช่แค่การตำหนิ หรือการโยนงานยากๆ มาให้เสมอไป มันอาจจะเป็น:

การมองข้าม: ไม่เห็นความดีความชอบที่เราทำ ทั้งๆ ที่ผลงานดีเด่น หรือให้โอกาสคนอื่นเสมอ ยกเว้นเรา
การให้งานที่ไม่ตรงสาย: ดองเราไว้กับงานที่ไม่มีความสำคัญ ไม่พัฒนา ไม่ตรงกับทักษะ หรือจงใจให้เราทำงานที่ยุ่งยากซับซ้อนเกินไป เพื่อหวังให้เราทำพลาด
การตำหนิที่จู้จี้: จับผิดทุกเม็ด ทุกรายละเอียด แม้เป็นเรื่องเล็กน้อย หรือตำหนิในที่สาธารณะ ทำให้เสียหน้า เสียกำลังใจ
การบั่นทอนความมั่นใจ: พูดจาเปรียบเทียบเรากับคนอื่นในทางที่ไม่ดี สื่อว่าเราไม่มีความสามารถพอ
การปิดกั้นโอกาส: ไม่ให้เราได้เข้าอบรม สัมมนา หรือโปรเจกต์สำคัญๆ ที่จะช่วยเสริมสร้างประสบการณ์
การสร้างแรงกดดัน: ทำให้เรารู้สึกไม่สบายใจในการทำงาน หรือสร้างบรรยากาศที่อึดอัด

ถ้าเจอแบบนี้เข้าจริงๆ มันบั่นทอนจิตใจมากครับ งานที่เคยรัก อาจจะกลายเป็นยาขมทันที

ทางเลือกที่ 1: กัดฟันสู้ กลยุทธ์ "ทนแต่ไม่ยอมแพ้"

การเลือกที่จะสู้ หมายถึงการไม่ยอมให้สถานการณ์บั่นทอนเราจนหมดกำลังใจ และพยายามหาทางพลิกสถานการณ์ให้ดีขึ้น ซึ่งต้องอาศัยความอดทน กลยุทธ์ และการประเมินสถานการณ์อย่างรอบคอบ

ข้อดีของการกัดฟันสู้:

พิสูจน์ตัวเอง: นี่คือโอกาสทองที่จะได้แสดงให้หัวหน้าเห็นว่าเราไม่ได้อ่อนแออย่างที่เขาคิด เรามีความสามารถ เราอดทน และเราไม่ยอมแพ้
ได้เรียนรู้: ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เรามักจะค้นพบศักยภาพที่ซ่อนเร้นของตัวเอง เราจะได้ฝึกทักษะการแก้ไขปัญหา การจัดการกับความกดดัน การประนีประนอม และการทำงานภายใต้สภาวะที่ท้าทาย
สร้างเครดิต: การที่เรายังคงทำงานได้ดี แม้จะเจออุปสรรค จะสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแกร่งให้กับเราในสายตาคนอื่นๆ ที่ทำงานร่วมกัน หรือแม้แต่ผู้บริหารระดับที่สูงขึ้นไป
รักษาผลประโยชน์: การลาออกทันที อาจจะทำให้เราเสียโอกาสหลายอย่าง เช่น โบนัส เงินชดเชย หรือแม้แต่ภาพลักษณ์การเปลี่ยนงานบ่อยๆ ซึ่งอาจจะกระทบต่อการหางานครั้งต่อไป
เปลี่ยนมุมมองหัวหน้า: บางครั้ง หัวหน้าอาจจะมีอคติบางอย่างที่ไม่รู้ตัว การที่เรายังคงทำงานอย่างมืออาชีพ และแสดงผลงานที่ดีอย่างต่อเนื่อง อาจจะค่อยๆ เปลี่ยนมุมมอง หรือทำให้เขาเห็นคุณค่าของเราในที่สุด

กลยุทธ์ในการ "กัดฟันสู้":

ตั้งสติและประเมิน: ก่อนอื่นเลย อย่าเพิ่งโวยวายหรือแสดงอาการไม่พอใจตรงๆ ให้ลองสังเกตว่าทำไมหัวหน้าถึงมีพฤติกรรมแบบนี้ เกิดจากอะไร? เป็นกับเราคนเดียว หรือกับคนอื่นด้วย? มีอะไรที่เราทำผิดพลาดไปหรือเปล่า?
โฟกัสที่ผลงาน: จงทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ โฟกัสที่เป้าหมายของงาน ทำให้งานออกมามีคุณภาพ และส่งมอบให้ตรงเวลา การมีผลงานที่จับต้องได้ คืออาวุธที่ทรงพลังที่สุด
เก็บหลักฐาน: หากการ "สวมรองเท้าคับ" มีลักษณะของการกลั่นแกล้ง หรือการละเมิดสิทธิ์ ควรเก็บหลักฐานไว้ เช่น อีเมล บันทึกการสนทนา หรือข้อความต่างๆ เพื่อเป็นข้อมูลหากต้องมีการร้องเรียนในภายหลัง
สร้างคอนเนคชั่น: อย่าอยู่โดดเดี่ยว พยายามสร้างสัมพันธ์ที่ดีกับเพื่อนร่วมงานคนอื่นๆ หรือหัวหน้าของหัวหน้าเรา การมีคนที่เราไว้ใจ หรือคนที่สามารถช่วยเหลือเราได้ เป็นสิ่งสำคัญ
หาที่ปรึกษา: ถ้ามีเพื่อนร่วมงานที่ไว้ใจ หรืออาจจะเป็นคนในครอบครัว เพื่อนสนิท ลองปรึกษาเขาดู การได้รับคำแนะนำ หรือแค่การได้ระบายออกมา ก็ช่วยให้เราผ่อนคลายขึ้น
ฝึกทักษะการสื่อสาร: หากมีโอกาส ควรลองหาทางพูดคุยกับหัวหน้าตรงๆ ด้วยท่าทีที่เป็นกลางและสุภาพ เช่น "ผม/ดิฉันสังเกตว่าช่วงนี้งานที่ได้รับมอบหมาย อาจจะยังไม่ตรงกับความถนัดของผม/ดิฉันเท่าที่ควร มีอะไรที่ผม/ดิฉันสามารถทำเพิ่มเติม เพื่อให้งานออกมามีประสิทธิภาพมากขึ้นกว่านี้ไหมครับ/คะ?" หรือ "อยากจะขอคำแนะนำเกี่ยวกับวิธีการปรับปรุงการทำงาน เพื่อให้ผลลัพธ์เป็นที่น่าพอใจมากยิ่งขึ้นครับ/คะ" การสื่อสารแบบนี้ อาจจะเปิดโอกาสให้หัวหน้าได้อธิบาย หรือเราได้เข้าใจมุมมองของเขามากขึ้น
พัฒนาตัวเองอยู่เสมอ: ใช้เวลาว่าง หรือช่วงที่หัวหน้าไม่ให้งานที่เราสนใจ ไปเรียนรู้ทักษะใหม่ๆ พัฒนาตัวเองในด้านที่สนใจ หรือที่เกี่ยวข้องกับสายงาน การมีทักษะที่สูงขึ้น จะเป็นแต้มต่อให้เราในอนาคต
ตั้งกรอบเวลา: การสู้ไม่ได้หมายความว่าต้องสู้ตลอดไป ควรกำหนดกรอบเวลาให้ตัวเองด้วยว่า เราจะอดทนและพยายามปรับปรุงสถานการณ์ไปอีกนานแค่ไหน หากลองทุกวิถีทางแล้ว แต่สถานการณ์ยังคงเดิม หรือแย่ลงกว่าเดิม ก็อาจจะต้องพิจารณาทางเลือกอื่น

ทางเลือกที่ 2: หาทางไปต่อ กลยุทธ์ "รู้เขารู้เรา ไม่สู้ก็รอด"

การเลือกที่จะหาทางไปต่อ ไม่ได้แปลว่าเรายอมแพ้ หรือขี้ขลาดนะครับ แต่มันคือการฉลาดในการบริหารจัดการชีวิตตัวเอง เมื่อการอยู่ต่อมีแต่จะบั่นทอนเราจนเสียมากกว่าได้

ข้อดีของการหาทางไปต่อ:

สุขภาพจิตที่ดีขึ้น: การหลุดพ้นจากสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษ จะช่วยให้เรากลับมามีความสุข มีกำลังใจ และมีพลังในการใช้ชีวิตอีกครั้ง
โอกาสใหม่ๆ: โลกของการทำงานกว้างใหญ่กว่าที่คิด การลาออก อาจจะเป็นประตูสู่โอกาสใหม่ๆ ที่ดีกว่าเดิม เป็นงานที่เราถนัด มีความสุข และได้รับความเคารพ
การพัฒนาที่ตรงจุด: เราจะได้ทำงานในสภาพแวดล้อมที่สนับสนุนการเติบโตของเราจริงๆ ได้เรียนรู้ในสิ่งที่เราอยากเรียนรู้ และได้ใช้ศักยภาพของเราอย่างเต็มที่
รักษาความภูมิใจ: การอยู่สู้จนหมดกำลังใจ หรือถูกบั่นทอนจนเสียคน อาจจะทำให้เราเสียความภาคภูมิใจในตัวเอง การเลือกที่จะเดินออกมาอย่างมีสติ คือการรักษาคุณค่าของตัวเอง
การตัดสินใจเชิงรุก: แทนที่จะรอให้สถานการณ์แย่ลงไปเรื่อยๆ การตัดสินใจหาทางไปต่อ คือการที่เราเป็นผู้ควบคุมชีวิตตัวเอง เป็นการตัดสินใจเชิงรุก

กลยุทธ์ในการ "หาทางไปต่อ":

เริ่มมองหาโอกาสตั้งแต่เนิ่นๆ: อย่ารอให้ทนไม่ไหวแล้วค่อยมองหา การเริ่มดูงาน หรืออัปเดตโปรไฟล์ตั้งแต่ตอนนี้ จะทำให้เรามีตัวเลือกที่หลากหลาย และไม่ต้องรีบร้อนตัดสินใจ
ประเมินสถานการณ์อย่างจริงจัง: ก่อนจะตัดสินใจลาออก ลองถามตัวเองให้แน่ใจก่อนว่า สถานการณ์มันแย่จนไม่เหลือทางแก้ไขจริงๆ หรือเปล่า? มีอะไรที่ยังพอจะทำได้อีกบ้าง?
เตรียมความพร้อม: เมื่อตัดสินใจว่าจะไปแล้ว ต้องเตรียมความพร้อมให้ดี ทั้งเรื่องการเงิน (มีเงินสำรองเพียงพอไหม?) การปรับปรุงเรซูเม่ การฝึกสัมภาษณ์ และการหาข้อมูลเกี่ยวกับบริษัทที่เราสนใจ
สร้างเครือข่าย: ใช้ประโยชน์จากเครือข่ายคนรู้จักของเรา ถามหาโอกาสงาน หรือขอคำแนะนำจากคนที่ทำงานในสายงานที่เราสนใจ
อย่าลาออกโดยไม่มีเป้าหมาย: การลาออกโดยที่ยังไม่มีงานใหม่รออยู่ อาจจะเป็นความเสี่ยง หากเรายังไม่มีเงินเก็บสำรองที่มากพอ
ลาออกอย่างมืออาชีพ: แม้เราจะรู้สึกไม่พอใจกับหัวหน้าหรือบริษัทมากแค่ไหนก็ตาม เวลาที่ยื่นใบลาออก และช่วงที่ต้องรอให้หมดสัญญา ควรทำตัวเป็นมืออาชีพ รักษาความสัมพันธ์ที่ดีไว้ เพราะเราไม่รู้ว่าจะได้กลับมาเจอกันอีกเมื่อไหร่
พิจารณาผลกระทบระยะยาว: การเปลี่ยนงานบ่อยๆ อาจจะส่งผลต่อประวัติการทำงานของเราได้ ควรพิจารณาให้รอบคอบว่า การย้ายงานครั้งนี้ จะช่วยให้เราไปถึงเป้าหมายระยะยาวได้หรือไม่

แล้วจะเลือกอะไรดี?

จริงๆ แล้ว ไม่มีคำตอบที่ถูกที่สุด หรือผิดที่สุดครับ มันขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่างของแต่ละบุคคล:

ความอดทนและเป้าหมายของคุณ: คุณเป็นคนที่มีความอดทนสูงหรือไม่? เป้าหมายในอาชีพของคุณคืออะไร? คุณพร้อมที่จะลงทุนเวลาและความพยายามเพื่อพิสูจน์ตัวเอง หรือต้องการความสุขและความก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว?
ธรรมชาติของปัญหา: ปัญหาที่หัวหน้าสร้างให้รุนแรงแค่ไหน? มันเป็นเพียงความไม่พอใจส่วนตัวเล็กน้อย หรือเป็นการกลั่นแกล้งที่ส่งผลกระทบต่อชีวิตการทำงานและสุขภาพจิตของคุณอย่างหนัก?
โอกาสที่มี: คุณมีโอกาสงานอื่นที่น่าสนใจรออยู่หรือไม่? สภาพตลาดแรงงานเป็นอย่างไร?
สถานะทางการเงิน: คุณสามารถแบกรับความเสี่ยงจากการออกจากงานโดยที่ยังไม่มีงานใหม่ได้หรือไม่?

คำแนะนำเพิ่มเติม:

หากรู้สึกสับสน ลองทำแบบฝึกหัดนี้:

1. เขียนข้อดีข้อเสียของแต่ละทางเลือก: ลงรายละเอียดให้มากที่สุด
2. ประเมินสถานการณ์ปัจจุบันอย่างตรงไปตรงมา: หัวหน้าของคุณมีแนวโน้มจะเปลี่ยนแปลงหรือไม่?
3. ลองคุยกับคนใกล้ชิดที่ไว้ใจ: การได้รับมุมมองจากคนภายนอกอาจช่วยให้เรามองเห็นอะไรชัดเจนขึ้น

ไม่ว่าคุณจะเลือกทางไหน ขอให้เป็นการตัดสินใจที่เกิดจากการไตร่ตรองอย่างรอบคอบ และเป็นการตัดสินใจที่ดีที่สุดสำหรับตัวคุณเองครับ จำไว้เสมอว่า ชีวิตการทำงานเป็นเพียงส่วนหนึ่งของชีวิต ไม่ใช่ทั้งหมด การรักษาความสุขและสุขภาพกายใจให้ดี คือสิ่งสำคัญที่สุดครับ

网友意见

user avatar

另谋高就。

这到不是认怂,而是从成本的角度来考虑的。领导一旦有了这样的观念就会找各种机会验证自己的观点,专门欺负下属。

这样的情况下属就很难改变,除非有更大的领导来介入强力扭转,即使改变了也要花很大的代价,根本不合算。

另谋高就,就是这边不行,立马另起炉灶,重新开始,不浪费多余的时间。

类似的话题

  • 回答
    เจอสถานการณ์แบบนี้เข้าให้ หลายคนคงปวดหัว ตีบตัน หาทางออกไม่เจอเลยทีเดียว ว่าควรจะ "กัดฟันสู้" หรือ "เดินจากไป" ดี การตัดสินใจครั้งนี้ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ.............
  • 回答
    这事儿发生在重庆,一个挺让人唏嘘的场面。一位女员工,因为开会期间喝水喝多了,接连去了两次厕所,结果被领导当众点名批评,说了句“总有人开会的时候喜欢上厕所”。听上去像是件小事,但背后折射出来的问题可不少。咱们就来好好掰扯掰扯这事儿。表面上看,领导的批评似乎是出于“会议效率”的考虑。 会议嘛,当然希望大.............
  • 回答
    当父母说出“我们偏爱你弟弟是你自己的问题,就像公司里有人更受领导喜欢,孩子应该自己争取父母的爱”这样的话时,这背后隐藏着一种非常值得深思的逻辑,也触及到了家庭关系中一些非常敏感且核心的问题。乍一看,父母似乎是在传递一种“现实主义”的生存法则,将家庭比作职场,将父母比作领导,鼓励孩子去“争取”。但仔细.............
  • 回答
    这确实是个让人纠结的问题。在职场上,尤其是在一个层级分明的环境里,领导的态度就像一座天平,能左右你在工作中的体验。当你的“天平”似乎总是向着“不受待见”的那一端倾斜时,每天上班的早晨,面对那位可能不太待见你的领导,是否还要硬着头皮去打招呼,这个问题就显得尤为现实和重要了。核心的问题是:打招呼的目的是.............
  • 回答
    这件事确实让人费解,也挺让人窝火的。一个公民要转账 7500 万元,这么大一笔钱,银行以“领导不在”为由拒绝,这听起来就像是个荒唐的理由。那么,到底是怎么回事?银行领导不在,这钱就真的转不了了吗?咱们就来好好捋一捋这件事的背后逻辑,顺便看看这背后可能隐藏的猫腻。首先,我们得明白,银行作为金融机构,处.............
  • 回答
    安排员工在节假日加班,并且不接受任何休假申请,这种行为背后隐藏的领导心态,确实值得我们深入剖析。这并不是一个简单的“工作需要”就能概括的,而是涉及到权力、责任、对员工的认知,以及可能存在的更深层级的管理问题。首先,我们来看看那些“不允许休假”的领导,他们可能的几种心态:1. “绝对服从”的僵化思维.............
  • 回答
    当感觉自己的努力没有得到领导的认可时,那种失落和沮丧感是难以言喻的。仿佛你付出的汗水、绞尽脑汁想出的创意、熬夜赶出的报告,都石沉大海,没有激起一丝波澜。你开始怀疑自己的能力,甚至怀疑自己在这份工作上的价值。首先,别急着否定自己。很多时候,领导的“不认可”可能并非主观恶意,而是因为他们看到了我们自己没.............
  • 回答
    在一家公司,当大领导摆出“你不愿意干就别干,有的是人干”这种姿态时,作为员工,确实会面临不小的心理压力和职业选择的困境。这是一种非常直接且带有压迫感的回应,它意味着领导的态度是机会主义者导向,更看重的是“填补空位”和“执行力”,而不是员工的个人发展、意见表达,甚至是最基本的“人性化关怀”。面对这种情.............
  • 回答
    在建筑行业,如果我是一位领导,我会非常认真地对待一个不需要支付工资的实习生,并且会尽全力去“带好”他/她。这听起来或许有些反常,毕竟通常情况下,劳动力的付出是需要报酬的,但从我的角度来看,这不仅仅是一个“帮忙”的人,更是一个潜在的、值得投入的资源。首先,我要明确一点:“不需要给工资”并不等于“不需要.............
  • 回答
    这绝对是职场里最令人头疼的一种情况了。我遇过不止一次,那种感觉就像被架在火上烤,一方面是领导的期待,另一方面是现实的巨大鸿沟。处理不好,不仅任务完不成,自己的职业生涯也可能受影响。所以,这事儿我得好好跟你捋一捋。首先,得冷静。领导给你布置不可能完成的任务,原因可能有很多,不一定是故意刁难。也许是信息.............
  • 回答
    这个问题很有意思,也触及了中国革命史中一个非常核心的节点。如果红军一直由毛泽东领导,并且在江西的最后两次围剿中,毛泽东能够掌握绝对的军事指挥权,那么结果很可能会发生巨大的改变,甚至可能避免长征的发生。但这是一个复杂的问题,需要我们深入分析当时的历史背景、军事策略以及政治因素。历史背景:第五次反“围剿.............
  • 回答
    因“领导不同意”,67岁老太12年无法办理退休——法律解读“领导不同意”导致67岁老太12年无法办理退休,这在法律上属于一种程序上的障碍和权利实现的阻碍。从法律角度解读,我们可以从以下几个方面进行深入分析: 一、退休条件的法律基础首先,我们需要明确退休的法定条件。在中国,退休年龄和条件主要由《中华人.............
  • 回答
    在体制内,周末加班是个让人头疼的问题。毕竟,谁不想好好休息一下,享受生活呢?但领导的要求又不好直接拒绝,担心留下不好的印象。要做到既能拒绝周末加班,又不让领导不高兴,确实需要一些技巧。下面我来详细说说,如何在体制内巧妙地处理这个问题。首先, 提前沟通,建立预期 是关键中的关键。与其等到周末来了,领导.............
  • 回答
    南昌公安关于“女司机醉驾被查提及‘yuwei’与当地公安系统领导不相关”的回应,无疑将这起普通的交通违法案件,包裹上了一层引人遐想的色彩,并可能引发一系列连锁反应。从目前的信息来看,事件的走向可能会朝着以下几个方向深入发展:1. 舆论的持续发酵与深挖: “yuwei”的魔力与公众的探究欲: 公安.............
  • 回答
    这确实是个棘手又常见的情况。直接说“我不擅长写材料”可能会显得能力不足,或者不够积极,所以委婉表达是最好的方式。目标是让领导理解你的难处,同时又不否定你愿意为团队做贡献的态度,并希望能将这份任务分配给更合适的人,或者得到更有力的支持。下面我来给你梳理一下,如何用几步巧妙地表达你的诉求,让领导既能理解.............
  • 回答
    这个问题很有趣,也很有深度,它触及了我们如何评价历史朝代,以及领土完整性在历史叙事中扮演的角色。如果明朝的领土与今日中国无异,那么我们看待清朝的历史目光,确实会发生翻天覆地的变化。首先,要理解为什么清朝在很多时候会被历史学家们“歌颂”。这其中一个核心的原因在于,清朝,尤其是康雍乾盛世时期,建立了中国.............
  • 回答
    在职场中,很多人面对领导时,总会不自觉地端着架子,或者缩手缩脚,这背后往往藏着一种名为“领导畏惧症”的情绪。它让我们在与领导沟通时吞吞吐吐,不敢提出自己的想法,甚至错失良机。那么,如何在职场中真正做到“不畏惧领导”?这并非让你变得狂妄自大,而是让你能以一个平等、自信的姿态去面对和交流。这其中,需要一.............
  • 回答
    这绝对是个让人头疼的局面,就像夹在两块石头中间,一不小心就被碾碎。你还不能单干,那就得小心翼翼地走钢丝了。首先,要认清楚自己的位置。你是夹心层,上有领导,下有领导的领导。你的首要任务是做好本职工作,不让任何一方抓到让你“不称职”的把柄。无论他们关系如何,你的业绩才是硬道理。然后,对于他们试图拉你站队.............
  • 回答
    公司里大家忙闲不均,工作量分得乱七八糟,内部搞得一团糟,这事儿我可太明白了。作为领导,面对这摊子事儿,真得好好捋一捋,不然人心散了,啥都干不好。这可不是随便说两句就能解决的,得下点真功夫。第一步:把脉问诊,找出根源。别急着下猛药,先得弄清楚这“病”到底出在哪。 找数据说话: 我会先让各部门拿出详.............
  • 回答
    下属不尊重领导,这绝对是工作中让人头疼的难题。处理不好,不仅影响团队氛围,更可能伤及领导自身权威。要解决这个问题,得下点心思,不能简单粗暴,也不能放任不管。下面就来聊聊,如何把这些“不听话”的下属管服帖了。首先,咱们得明白,为什么下属会不尊重领导?这事儿可不是空穴来风。很多时候,问题出在咱们自己身上.............

本站所有内容均为互联网搜索引擎提供的公开搜索信息,本站不存储任何数据与内容,任何内容与数据均与本站无关,如有需要请联系相关搜索引擎包括但不限于百度google,bing,sogou

© 2025 tinynews.org All Rights Reserved. 百科问答小站 版权所有